วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564

บทที่1 อยุธยา

 ผ่านมาเกือบ 1 ปี ถึงได้มีโอกาสเขียน...

ท่ามกลางสภาวะที่โรคระบาด Covid-19 ถาโถมเข้ามาทุกวัน ไม่ได้ไปไหนเลย จนถึงช่วงที่ Covid รอบแรกหมดลง เลยได้มีความคิดที่จะเที่ยวคนเดียว ซึ่งที่จริงก็มีความคิดอยากจะไปอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที จนถึงวันที่เราต้องออกเดินทางจริงๆ 

Day1 4 ก.ย.63 เวลา 0600 ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ณ สถานีหัวลำโพง โชคยังดีที่เดินทางมาตอน ฝนกำลังตกเบาๆ เลยไม่เปียกมากนัก มาถึงก็ได้จองตั๋วรถไฟ ได้ขึ้นรถตอน 0715 จนมาถึงตอน 0900 ก็ถึงจุดหมาย 

พอถึงที่หมายแล้ว เราก็เริ่มหิว มาถึงอยุธยาแล้ว เราก็ต้องหาของอร่อยๆ ของที่นี่ ซึ่งก็คือ...


ใช่.. มันคือก๋วยเตี๋ยวเรือ (ไม่ใช่แป้ง😆😆) หลังจากที่ทานจนอิ่มแล้ว เราก็เริ่มการเดินทางเข้าที่พัก โดยผมลองเช็คจาก google Map จากร้านก๋วยเตี๋ยว ไปถึงที่พัก ประมาณ 2 กม. เลยตัดสินใจที่จะเดินไป เพื่อที่จะได้ชมวิวระหว่างทางไปด้วย เดินมาได้ซักครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่พักที่จองไว้ 

บุษบา อยุธยา เป็นที่พักที่ผมได้จองไว้ เป็น Hostel ที่ผมได้จองไว้ก่อนเดินทาง 
                             เช็คอินเรียบร้อย

หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ได้เวลาเลือกพาหนะคู่ใจในการเดินทาง
              พาหนะคู่ใจที่จะอยู่กับผมไปอีก 1 วัน 

ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว ที่แรกที่ผมไปก็คือ วัดหน้าพระเมรุ เป็นหนึ่งในไม่กี่วัดในอยุธยาที่ไม่ถูกทำลายจากการเสียกรุงครั้งที่ 2 ทำให้ศิลปะยังคงความงดงามจนถึงปัจจุบัน


พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่ใหญ่ที่สุด เป็นศิลปะสมัยอยุธยาที่ยังคงความงดงามจนถึงปัจจุบัน
 

พระคันธารราฐประทับนั่งห้อยพระบาท
ศิลปะสมัยทวาราวดี ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3

ออกจากวัดหน้าพระเมรุ แล้วก็มาต่อกันที่วัดมหาธาตุเป็นวัด ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองในสมัยนั้น มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิเช่น เศียรพระพุทธรูปที่ถูกปกคลุมด้วยรากต้นไม้จนเป็น Unseen in Thailand เป็นต้น



วัดมหาธาตุ



ซากฐานพระปรางค์วัดมหาธาตุ



เศียรพระพุทธรูปที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้

หลังจากออกจากวัดมหาธาตุแล้วก็เดินข้ามถนนมายังวัดราชบูรณะ เป็นวัดที่อยู่ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุ มีสิ่งที่น่าสนใจคือพระปรางค์ที่เคยเป็นที่เก็บสิ่งของมีค่าที่ยังหลงเหลือหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยา เรียกกันว่ากรุวัดราชบูรณะ 


พระปรางวัดราชบูรณะ


วัดราชบูรณะ
หลังจากออกจากวัดราชบูรณะแล้ว ก็ได้เวลาของมื้อเที่ยงประกอบกับแดดเริ่มร้อน จึงได้ตัดสินใจกลับไปทานข้าวเที่ยงในที่พักและพักเอาแรง


สปาเก็ตตี้กับน้ำอัญชันน่าจะเข้ากันดี

หลังจากทานมื้อเที่ยงแล้ว ก็ได้เวลาควบพาหนะคู่ใจเดินทางกันต่อ สถานที่ต่อไปที่จะไปก็คือวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา คือเป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง คล้ายๆกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วในปัจจุบัน มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจคือ พระสถูปเจดีย์ขนาดใหญ่จำนวน 3 องค์ ที่ตั้งอยู่ในวัดนี้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 2 


พระสถูปเจดีย์ 3 องค์


บรรยากาศภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์

หลังจากออกจากวัดพระศรีสรรเพชญ์แล้วก็ได้เดินมายังไม่วิหารพระมงคลบพิตรซึ่งอยู่ใกล้กัน ซึ่งพระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความเชื่อในสมัยอยุธยาเรื่องการสร้างพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ โดยพระมงคลบพิตรได้รับความเสียหายจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทำให้ยังคงความงดงามในปัจจุบัน

วิหารพระมงคลบพิตร

พระมงคลบพิตร

ออกจากวัดมงคลบพิตรก็ตกเย็นมากแล้ว ก็ได้เข้าที่พักโดยหาซื้อของกินแถวตลาดก่อนเข้าที่พัก แล้วพบกันใหม่ตอนเช้าครับ

บรรยากาศยามเย็น ณ บุษบา อยุธยา



ที่นอนคืนนี้ น่านอนมาก

Day2 5 ก.ย.63 เวลา 0700 หลังจากตื่นขึ้นมา ก็ได้ควบพาหนะคู่ใจ (คันเดิม) ไปยังตลาดเช้าเพื่อที่จะไปหาทานอาหารเช้า แต่ได้จับ GPS หาที่เที่ยวใกล้ๆ ปรากฏว่าเจอวัดแม่นางปลื้มที่อยู่ใกล้ตลาด จึงได้เดินทางไปยังวัดแม่นางปลื้มก่อน ซึ่งมีจุดน่าสนใจคือ หลวงพ่อขาวที่งดงามมาก เป็นศิลปะสมัยอยุธยา และเป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ถูกทำลายคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เลยทำให้ยังคงความงดงามมาจนถึงปัจจุบัน  


วัดแม่นางปลื้ม
วิหารหลวงพ่อขาว


หลวงพ่อขาว
หลังจากออกจากวัดแม่นางปลื้มแล้วก็ได้เวลาของอาหารเช้าเบาๆ (เบาหรือเปล่าก็ไม่รู้)
อาหารเช้าเบาๆ (ที่ไม่เบา)

หลังจากทานมื้อเช้า ก็ได้เวลาออกทัวร์กันต่อ มีเวลาอยู่พอสมควร จึงได้ปั่นพาหนะคู่ใจ ไปยังพิพิธภัณฑ์สถานจันทร์เกษม 
บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม



                      โบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์                    สถานแห่งชาติจันทรเกษม




                     โบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์                     สถานแห่งชาติจันทรเกษม

ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ กลับเข้าสู่ที่พักเพื่อเตรียมเช็คเอาท์
Let's Go

หลังจากเช็คเอาท์แล้ว ก็เตรียมตัวกลับเข้า กทม. ยังพอมีเวลา อยากมีเวลาเที่ยวนิดหน่อย เลยได้มาที่นี่

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา

บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา


เศียรพระธรรมิกราช ซึ่งได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์
สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา



โบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์สถาน
แห่งชาติเจ้าสามพระยา


โบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์สถาน
แห่งชาติเจ้าสามพระยา

ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนก็ตาม หลายคนก็มักจะมีของสะสมเพื่อเก็บเป็นคอลเล็คชั่นของตัวเอง ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งผมชอบสะสมแม็กเน็ต แล้วคุณล่ะชอบสะสมอะไร มาบอกกันได้นะครับ

ของสะสมของผม

ได้เวลากลับแล้วสิ เวลาหมดลงเร็วมาก นี่ก็เที่ยงแล้ว ได้เวลาต้องไปที่สถานีรถไฟอยุธยาเพื่อที่จะกลับเข้าสู่ กทม. 

สถานีรถไฟอยุธยา


ซื้อตั๋วกลับเรียบร้อย

แค่นี้ก็เดินทางกลับได้แล้ว
Let's Go
กลับมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงโดยสวัสดิภาพ

จบกันแล้วนะครับสำหรับการบรรยายการเดินทางทริปแรกของผม ขอบคุณทุกท่านที่รับชมครับ คราวหน้าจะไปที่ไหนกันต่อ 
อย่าลืมติดตามกันนะครับ
🙏🙏🙏





























1 ความคิดเห็น:

บทที่1 อยุธยา

  ผ่านมาเกือบ 1 ปี ถึงได้มีโอกาสเขียน... ท่ามกลางสภาวะที่โรคระบาด Covid-19 ถาโถมเข้ามาทุกวัน ไม่ได้ไปไหนเลย จนถึงช่วงที่ Covid รอบแรกหมดลง เ...